เรื่องย่อหนังรถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009)
“คีย์เวิร์ดสำคัญสำหรับหนังเรื่อง รถไฟฟ้า มาหานะเธอ มีแค่ 3 คำคือ สาว 30 ยังไม่มีแฟน, ความรักของคนกลางวันและคนกลางคืน และการจราจรในกรุงเทพฯ” นั่นคือสิ่งที่ พี่เก้ ง-จิระ มะลิกุล บอกผมเมื่อ 12 ปีที่แล้ว สมัยผมยังเป็นเด็กฝึกงานด้านการเขียนบทหนังที่ GTH
สำหรับพี่เก้งและพี่วรรณ (วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์ – โปรดิวเซอร์ ปัจจุบันผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์และพัฒนาบทภาพยนตร์) หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่หนังเรื่องแรกที่พี่ๆ เขาสร้าง แต่สำหรับผมแล้วนี่คือโปรเจกต์หนังขนาดยาวในระบบสตูดิโอเรื่องแรกที่ตัวเองมีโอกาสได้เข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะคนเขียนบท ทั้งๆ ที่ความรู้ก็ยังน้อยนิด จึงไม่น่าแปลกใจที่เวลา 12 ปีผ่านไป อาจจะไม่สามารถทำลายความทรงจำเกี่ยวกับงานนี้ของผมได้
จะลืมได้อย่างไร ก็หนังเรื่อง ดูหนังออนไลน์ไทยBTS (Bangkok Traffic Love Story) เป็นการเรียนหนังสือด้านภาพยนตร์ครั้งสำคัญของชีวิตก็ว่าได้ เพราะอยู่กับมัน 2 ปีเต็มเหมือนเรียนปริญญาโท จริงๆ นอกจากพี่เก้ง พี่วรรณ และพี่ปิ๊งแล้ว (อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม – ผู้กำกับ รถไฟฟ้า มาหานะเธอ) ผมต้องขอบคุณพี่อำ (อมราพร แผ่นดินทอง) และพี่โอ๋ (เบ็ญจมาภรณ์ สระบัว) ผู้ร่วมเขียนบทและติวเตอร์ด้านการเขียนบทของผมในเวลานั้น
15 ตุลาคมที่ผ่านมา โทษฐานครบรอบ 10 ปีนับจากวันที่ออกฉาย ผมจึงโทรหาพี่ปิ๊ง เพื่อชวนคุยเรื่องเมื่อ 10-12 ปีก่อน ในขณะที่หนังเรื่อง รถไฟฟ้า มาหานะเธอ กำลังถูกเขียนบทและถ่ายทำ มีหลายเรื่องที่เราไม่เคยรู้มาก่อน และมีอีกหลายเรื่องที่รู้แต่ลืมแล้ว เลยกลับมาจำได้ใหม่
นางเอกหมวยๆ…ไม่เอานะเธอ
หลายคนคิดว่าความแข็งแรงของความหมวยในหนังเรื่องนี้จะต้องเป็นแกนหลักในการหานางเอกแน่ๆ แต่จริงๆ แล้วไอเดียการหานักแสดงเรื่องนี้คือสาวตาโตแบบการ์ตูนตาหวาน นักแสดงที่ได้รับการเรียกมาแคสติ้งในรอบแรกจึงเป็นสาวตาโตล้วนๆ กลมดิ๊ก คือถ้าตาใครมีประกายน้ำแบบในการ์ตูนจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ แต่สุดท้ายไทป์นี้ก็ตกรอบไป เพราะความหมวยยังคงครอบงำหนังเรื่องนี้จนทางโปรดิวเซอร์ไม่สามารถสลัดออกไปได้ ตัวเลือกนักแสดงหมวยจึงทยอยกลับมาอีกครั้ง
รถด่วน…ขบวนบางรัก
ผมคุยกับพี่ปิ๊งเล่นๆ ว่า เออ ตอนนั้นที่ผมดูหนัง ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมบ้านคุณลุง (เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) มันจะต้องเป็นเกสต์เฮาส์ริมแม่น้ำ พี่เน้นเอาสวยเหรอ พี่ปิ๊งบอกว่า มึงจำไม่ได้เหรอว่าบทร่างแรกๆ ชื่อหนังมันคือ Last Train To Bangrak
ชื่อหนังแรกๆ คือ Last Train To Bangrak ตั้งโดย พี่เก้ง-จิระ มะลิกุล แน่นอนว่าฟังง่ายและตรงไปตรงมา นึกถึงเพลงดังที่ร้องว่า เสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย และขบวนสุดท้ายนั้นกำลังจะวิ่งไปที่บางรัก คือถ้ามึงไม่ขึ้นขบวนนี้ มึงอาจจะไม่มีความรักแล้วนะ ถ้าเจอคนที่ใช่แล้ว มึงต้องขึ้นแล้วล่ะ เลิกเก๊กได้แล้ว อะไรประมาณนี้
ดังนั้นพี่ปิ๊งเลยเริ่มไปเดินเล่นแถวบางรักจริงๆ ว่ามันมีอะไรแถวๆ นั้นบ้าง บ้านของนางเอกจึงเป็นตึกแถวเหมือนบ้านในย่านนั้น รวมถึงบ้านคุณลุงที่เขียนไว้ว่าจะต้องอยู่ใกล้บ้านเหมยลี่ ก็เลยไปอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และสุดท้ายสถานีรถไฟฟ้าที่เหมยลี่และคุณลุงขึ้นเป็นประจำจึงเป็นสถานีสะพานตากสิน
เมโลดราม่า…ไม่ได้นะเธอ
พี่ปิ๊งเล่าว่า มึงรู้ไหมว่าตอนนั้นกูมีความพยายามจะทำให้หนังเรื่องนี้ไม่มีฉากน้ำตาร่วงเมโลดราม่าสุดจี๊ด เพราะฉากแบบนี้หนัง GTH ในยุคนั้นมีบ่อยมาก พี่ปิ๊งเลยต้องการ Disrupt
ฟังเสร็จ ผมนั่งคิดว่าในหนัง รถไฟฟ้า มาหานะเธอ มันไม่มีฉากเมโลดราม่ายังไง ฉากคริส หอวังร้องไห้เละเทะตอนได้รับของเก่าๆ คืนจากคุณลุงนั่นสุดจะ Dramatic
พี่ปิ๊งเลยบอกว่า ก็กูพยายามแล้วไง แค่สุดท้ายมันไม่สำเร็จ (ฮา) เขาเล่าให้ฟังต่อว่า ฉากนั้นจริงๆ แล้วพี่ปิ๊งบรีฟคริสว่า อย่าร้องเละเทะนะ เอาแบบคลอๆ น้ำตาเกาะขอบตาพอ เธอต้องพยายามกลั้นให้ได้ เพราะอารมณ์ตัวละครมันเป็นแบบนั้น
เทกแรก แอ็กชัน: น้ำตาท่วม
พี่ปิ๊งขอใหม่อีกรอบ บรีฟใหม่ อย่าร้องๆ เอานิดเดียวพอ
เทกสอง แอ็กชัน: ร้องเละ
พี่ปิ๊งคิดในใจ เอาวะ มึงร้องไปสองเทกแล้ว น้ำตาหมดแล้วแน่นอน เทกสามเดี๋ยวแม่งได้แล้วล่ะ
เทกสาม แอ็กชัน: ร้องเละเทะที่สุด / จบ.
พี่ปิ๊งหันกลับไปถามพี่เก้ง จิระที่ไปออกกองด้วยว่าเอาไงดีครับพี่ พี่เก้งบอกว่า เลยตามเลย
สุดท้ายเราก็ได้ฉากเมโลดราม่าสุดจี๊ดกลับมาอยู่ในหนัง แม้จะไม่เป็นไปตามความตั้งใจของพี่ปิ๊ง แต่มันก็จี๊ดจริงๆ
ชื่อของ คริส หอวัง ที่ป๊อปอัพมาเป็นชื่อแรกๆ สมัยทีมแคสติ้งเพิ่งได้อ่านบทใหม่จึงกลับมาอีกครั้งในตารางการแคสติ้ง และสุดท้ายชื่อของเธอก็ถูกพิมพ์ลงโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ และประทับลงในจิตใจของสาววัย 30 ชาวไทยที่ยังไม่มีแฟนทั่วประเทศ เรียกได้ว่าเป็นไอดอลเลยก็ว่าได้
- ชื่อหนังแรกๆ คือ Last Train to Bangrak ตั้งโดย พี่เก้ง-จิระ มะลิกุล แน่นอนว่าฟังง่ายและตรงไปตรงมา นึกถึงเพลงดังที่ร้องว่า เสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย และขบวนสุดท้ายนั้นกำลังจะวิ่งไปที่บางรัก คือถ้ามึงไม่ขึ้นขบวนนี้ มึงอาจจะไม่มีความรักแล้วนะ
- บทร่างแรกๆ ของหนังเรื่องนี้จริงๆ ว่าด้วยการที่พี่เคนของเราเป็นคนสร้างรางรถไฟฟ้า แล้วส่วนต่อขยายนั้นมันมาพาดผ่านหน้าบ้านและดาดฟ้าของตึกแถวบ้านเหมยลี่ ทั้งสองเลยมีโอกาสได้คุยกันผ่านรางรถไฟฟ้าและดาดฟ้าบ้าน
- ในเรื่อง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ รับบทเป็นดาราชื่อ สตีเฟ่น จำรัส ซึ่งเล่นละครชื่อ น้ำตากามเทพ ร่วมกับ แอฟ ทักษอร โดยมีต้นแบบแห่งการแสดงแนวโกรธแล้วชี้มือสั่นจาก ตู่-นพพล โกมารชุน และ อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์